วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

โยคะลดน้ำหนัก 6 ท่าฟิตหุ่นสวย ได้ผลจริง

โยคะลดน้ำหนัก



           โยคะลดน้ำหนัก สำหรับสาว ๆ ที่กำลังอยากลดความอ้วนด้วยวิธีการออกกำลังกาย ลองหันมาทำโยคะลดน้ำหนักกันดูสิคะ รับรองว่าหุ่นสวย น้ำหนักลดได้จริงแน่นอน

           ปัจจุบันนี้สาว ๆ หลายคนมักจะประสบกับปัญหาความอ้วนได้ง่ายมากขึ้น เนื่องจากชีวิตทุกวันนี้ต้องเร่งรีบและทำแต่งานจนไม่มีเวลาได้ออกกำลังกายหรือดูแลสุขภาพเลย นอกจากนี้อาหารในทุกวันนี้ก็ยังมีให้เลือกทานได้หลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ง่ายทั้งนั้น แต่ทั้งนี้ในเมื่อเราไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย แล้วจะทำอย่างไรดี

          ไม่ต้องห่วงค่ะสาว ๆ ในเมื่อเราไม่มีเวลาไปเข้าฟิตเนส ก็ลองหันมาทำโยคะลดน้ำหนักกันดูสิคะ เพราะโยคะนั้นทำได้ง่ายและได้ผลดีมาก ๆ ซึ่งทำแล้วจะช่วยลดไขมันบริเวณต่าง ๆ ในร่างกายได้ แถมยังจะช่วยกระตุ้นระบบการทำงานในร่างกายให้ดีขึ้น ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ยืดหยุ่น และยังช่วยลดอาการเมื่อยล้าต่าง ๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยท่าโยคะสำหรับลดน้ำหนักนั้นจะมีอะไรกันบ้าง วันนี้กระปุกดอทคอมมีมาฝากสาว ๆ กันค่ะ ลองมาดูและทำตามกันเลย...




โยคะลดน้ำหนัก

1. ท่าหน้าวัว ลดไขมันส่วนเกินบริเวณท้องแขน

         เริ่มด้วยท่านั่ง ยกขาขวาขึ้นทับขาซ้ายบริเวณกระดูกหัวเข่า ชันตัวขึ้นนั่งระหว่างส้นเท้าทั้งสองข้าง จัดสะโพกให้มีระยะห่างกับเท้าทั้งสองข้างเท่า ๆ กัน

         ยกแขนซ้ายข้ามศีรษะและบิดข้อศอกเล็กน้อย เพื่อให้มือซ้ายอยู่กลางหลัง ยกแขนขวาอ้อมไปด้านหลัง พยายามใช้มือขวาจับนิ้วหรือมือซ้ายให้ได้มากที่สุด

         ถ้าจับไม่ได้ให้ใช้ผ้าเช็ดตัวช่วย แอ่นตัวไปด้านหน้าและค้างอยู่ในท่านี้ประมาณ 30 วินาที

         ค่อย ๆ ลดมือลง กลับไปอยู่ในท่านั่ง เริ่มทำอีกครั้งโดยสลับแขนและขาอีกข้างหนึ่ง

โยคะลดน้ำหนัก

2. ท่าบิดลำตัว ลดไขมันส่วนเกินบริเวณเอว หน้าท้อง และต้นขา

         เริ่มต้นจากนั่งหลังตรง ให้ขาซ้ายไขว้ขาขวา ปลายเท้าขวาวางข้างสะโพก

         อกชิดติดเข่า แขนซ้ายกอดหัวเข่าขวา หายใจเข้าให้ลึก

         วาดแขนขวาไปทางด้านหลังและให้วางไว้ที่เอว หายใจออก

         แขม่วท้องบิดเอวหันหน้าไปทางด้านหลัง และหายใจเข้าหันหน้ากลับท่าเริ่มต้น

         ทำแบบเดิมซ้ำกัน 3 รอบแล้วเปลี่ยนข้าง

โยคะลดน้ำหนัก

3. ท่าเรือกลไฟ ลดไขมันส่วนเกินบริเวณท้องแขน และสะโพก

         ยืดตัวตรงกางขาออกกว้างเป็น 3 เท่าของช่วงไหล่ และให้เอาขาเหยียดตรงเปิดปลายเท้าขวาให้ตั้งฉากกับลำตัว หายใจเข้า

         จากนั้นให้หงายฝ่ามือยกแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นขนานกับพื้น หายใจออก

         ให้หายใจเข้าประสานมือดันนิ้วชี้ขึ้นเหนือศีรษะ ยืดแขนให้ตึง แล้วหายใจออก

         งอเข่าขวาให้ตั้งฉากไม่เกินนิ้วโป้งเท้า หายใจเข้า เกรงขายืดแขนให้ตึง หายใจออก ยืดตัวตรง แขม่วท้อง หายใจเข้า เกร็งขายืดตรง แล้วกลับไปท่าเริ่มต้น

         ทำแบบนี้ซ้ำกันไปเรื่อย ๆ ข้างละ 3 ครั้ง

โยคะลดน้ำหนัก

4. ท่าสะพาน ลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง และต้นขา

         เริ่มต้นจากหายใจเข้านอนหงายขนานกับพื้น

         แล้วให้งอขาชันเข่า เอามือจับที่ส้นเท้า เกร็งหัวเข่ากดคางกับหน้าอก

         เมื่อหายใจเข้า ให้ยกสะโพกขึ้นเท่าที่ทำได้ และสามารถใช้มือค้ำที่เอวได้ และหายใจออก หายใจเข้าอีกครั้ง

         เกร็งกล้ามเนื้อต้นขาและสะโพก หายใจออก แล้วค่อย ๆ วางตัวลงกับพื้น

โยคะลดน้ำหนัก

5. ท่ายืดส่วนหลัง ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย

         นั่งหลังตรง และจากนั้นให้ยืดขาทั้งสองข้างไปด้านหน้าเกร็งปลายเท้าให้ตั้งฉาก และหายใจเข้า

         ยกแขนทั้งสองข้างเหนือศีรษะ หายใจออก คว่ำมือแล้วค่อย ๆ ก้มตัวลง เกร็งกล้ามเนื้อบริเวณช่วงเอว แล้วใช้นิ้วชี้เกี่ยวนิ้วโป้งเท้า

         จากนั้นจึงค่อย ๆ ก้มตัวลงอีก งอศอกเล็กน้อยค้างไว้ประมาณ 30 วินาที จากนั้นให้ยืดตัวขึ้นช้า ๆ

โยคะลดน้ำหนัก

6. ท่าหมุนท้อง ลดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง กระชับเอว สะโพก และต้นขา

         นอนหงายราบ ขากางออกเล็กน้อย กางแขนออกสบาย ๆ เป็นรูปไม้กางเขน

         หายใจเข้าลึก ๆ ยกขาทั้งสองขึ้น ปลายเท้าชิดกัน ให้เหยียดตรงตั้งฉากกับพื้น 90 องศา

         หายใจออก ค่อย ๆ ลดขาทั้งสองโดยยังเหยียดตรงอยู่ไปทางซ้ายให้เกือบถึงพื้น

         เมื่อใกล้ถึงพื้นให้ยกขาทั้งสองเฉียงไปทางขวา พร้อมสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วยกกลับมาตั้งฉากอีกครั้ง

         ทำท่านี้ให้ได้ข้างละ 10 ครั้ง และเปลี่ยนเป็นลดขาทั้งสองไปทางขวาโดยยังเหยียดตรง เมื่อใกล้ถึงพื้นให้ยกขาทั้งสองเฉียงไปทางซ้าย พร้อมสูดหายใจเข้าลึกให้ได้ข้างละ 10 ครั้งเช่นกัน

         เรียนรู้ท่าโยคะสำหรับลดน้ำหนักกันไปแล้ว สาว ๆ ก็อย่าลืมเอาไปลองฝึกกันดูนะคะ รับรองว่าได้ผลแน่นอน แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วก็อย่าลืมควบคุมอาหารควบคู่กันไปด้วยนะคะสาว ๆ เพียงแค่นี้คุณก็จะมีหุ่นฟิตเฟิร์ม และสุขภาพดีได้แล้วจ้า

ขอขอบคุณข้อมูลจากhttp://health.kapook.com/view111107.html

เต้นซุมบ้า (Zumba) เบิร์นไขมันด้วยการส่ายสะบัด

          การเต้นซุมบ้าเป็นวิธีออกกำลังกายลดน้ำหนัก ที่ได้โยกย้ายส่ายสะโพกกันสุดมันส์ เหวี่ยงไขมันให้กระจาย !

วิธีลดน้ำหนักของสายแดนซ์ไม่ได้มีแค่ Cardio Dance หรอกนะคะสาว ๆ เพราะตอนนี้เทรนด์การเต้นออกกำลังกายสไตล์ละตินอย่างการเต้นซุมบ้า (Zumba) ก็กำลังมา ด้วยความสนุกเร้าใจในเสียงเพลง พร้อมด้วยประโยชน์ของการเต้นซุมบ้าที่ก็ดีกับสุขภาพอยู่หลายด้าน ทำให้คนเริ่มหันมาสนใจวิธีออกกำลังกายลดน้ำหนักแนวนี้กันมากขึ้น และวันนี้เราก็จะพาทุกคนมารู้จักการเต้นซุมบ้ากัน

การเต้นซุมบ้า (Zumba) คืออะไร      การเต้นซุมบ้าเป็นวิธีออกกำลังกายแบบแอโรบิกสไตล์ละติน ที่ผสมผสานท่าเต้นตามสไตล์ละติน-อเมริกา ระบำหน้าท้อง แอโรบิก และฮิปฮอปเข้าด้วยกัน มีจุดเด่นที่ความสนุกสนานในการออกกำลังกาย และเสียงเพลงละตินในจังหวะที่เร้าใจ ทำให้คนออกกำลังกายได้นานขึ้นและไม่รู้สึกเบื่อง่าย ๆ แถมการเต้นซุมบ้ายังช่วยเบิร์นไขมันได้ดีอีกด้วย



เต้นซุมบ้า เบิร์นได้กี่แคลอรี     แอโรบิกเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเบิร์นไขมันได้ดีอยู่แล้ว แต่สำหรับการเต้นซุมบ้าในเวลา 1 ชั่วโมงต่อเนื่อง อาจช่วยเบิร์นแคลอรีได้ประมาณ 300-1,000 กิโลแคลอรี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของการเต้น ความต่อเนื่องของท่าเต้น และดัชนีมวลกายของแต่ละบุคคล 

เต้นซุมบ้า มีประโยชน์ยังไง     นอกจากความสนุกสนานเร้าใจแล้ว การเต้นซุมบ้ายังให้ประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้เลย

  • 1. เต้นซุมบ้า ลดน้ำหนักได้ดี
          ดูจากจำนวนแคลอรีที่ซุมบ้าจะช่วยเบิร์นออกไปก็น่าจะหมดข้อสงสัยว่าซุมบ้าช่วยลดน้ำหนักได้ไหม และขอบอกอีกอย่างค่ะว่า การเต้นซุมบ้ายังช่วยบำรุงสุขภาพหลอดเลือดหัวใจเพราะเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอชนิดหนึ่งด้วย
  • 2. กระชับได้ทุกสัดส่วน
          ท่าเต้นซุมบ้าจะช่วยให้เราได้โยกย้ายร่างกายไปหมดทุกสัดส่วน ต่างจากการเล่นท่าสควอช หรือท่าออกกำลังกายชนิดอื่นที่เจาะจงกระชับเฉพาะส่วนในร่างกายเท่านั้น

  • 3. แก้เครียด
          ความเครียดที่มีอยู่จะถูกสะบัดออกไปด้วยการเต้นซุมบ้า เพราะไม่เพียงแค่เสียงเพลงมันส์ ๆ เท่านั้นที่จะกระตุ้นความบันเทิงให้เรา แต่การได้โยกย้ายส่ายสะโพกให้เข้ากับจังหวะเพลงจะกระตุ้นการหลั่งเอ็นดอร์ฟินในร่างกาย และช่วยหันเหความสนใจของคุณให้โฟกัสไปที่จังหวะเพลงและการเต้นเท่านั้น เรื่องเครียดและความกังวลใด ๆ ลืมไปให้หมด
  • 4. กระตุ้นประสาทสัมผัส
          ถ้ารู้ตัวว่าประสาทสัมผัสเราแย่ ลองไปกระตุ้นระบบนี้ในร่างกายด้วยการเต้นซุมบ้าก็ได้ เพราะการออกสเต็ปให้เข้ากับจังหวะเพลงจะช่วยฝึกให้เราได้ใช้ประสาทสัมผัสมากขึ้น และใครที่เต้นซุมบ้าอยู่เรื่อย ๆ รับรองเลยว่าแม้จะอายุมากขึ้นแต่ระบบประสาทสัมผัสของคุณก็ยังอยู่ในขั้นดีเหมือนตอนยังหนุ่มยังสาว
  • 5. เพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย
          เพราะเราได้ขยับร่างกายตามท่วงท่าและเสียงเพลงไปทุกสัดส่วน กล้ามเนื้อก็จะมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้นไม่รู้ตัว โดยเฉพาะคนที่ออกกำลังกายด้วยการเต้นซุมบ้าเป็นประจำ
  • 6. กระตุ้นระบบเผาผลาญ
          การเต้นซุมบ้าจะช่วยกระตุ้นทั้งกล้ามเนื้อและระบบเผาผลาญของเราให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ใครที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าอยากลดน้ำหนักให้สำเร็จ การเต้นซุมบ้าก็น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย


          การเต้นซุมบ้าช่วยเบิร์นแคลอรีก็ได้ ประโยชน์ด้านสุขภาพร่างกายก็แน่น ๆ เน้น ๆ ใครที่อยากลองเต้นซุมบ้าขึ้นมาบ้างแล้ว ก็จัดไปตามคลิปเต้นซุมบ้าที่เรานำมาฝากได้เลยจ้า



คลิปที่ 1 : Zumba Dance Workout For Beginners Step By Step With Music-Zumba Dance New

คลิปที่ 2 : Zumba Dance Workout Fitness For Beginners Step By Step

คลิปที่ 3 : Zumba Dance Workout for weight loss
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://health.kapook.com/view149465.html

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ้ (CARDIO)

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ้ (CARDIO)

เป็นหนึ่งในวิธีการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกินในร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยทำให้มีสุขภาพดีหุ่นฟิตเฟิร์ม


การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอคืออะไร ?? 
  • เป็นวิธีการบริหารร่างกายเพื่อให้ระบบไหลเวียนโลหิตมีการสูบฉีด
  • เผาผลาญไขมันอย่างมีประสิทธิภาพ
  • รูปแบบการออกกำลังกายจะมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การเดิน การว่ายน้ำ ตีเทนนิส ตีแบต เต้นแอโรบิก เป็นต้น [BINDING:19]
      ในการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอนี้ จะเป็นการออกกำลังอย่างต่อเนื่องโดยใช้เวลาตั้ง 20 นาที ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ว่าคุณสาวๆต้องการออกกำลังไปเพื่ออะไร ซึ่งในวันนี้จะขอเน้นไปที่การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เพื่อลดห่วงยางรอบเอวโดยเฉพาะ


การอบอุ่นร่างกาย เตรียมพร้อมก่อนการออกกำลังแบบคาร์ดิโอ

        ก่อนการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ คุณสาวๆควรทำการอบอุ่นร่างกายก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ ด้วยท่าต่างๆที่จะขอแนะนำ ดังต่อไป


1. ท่า Power Skip เริ่มจากการยืนตัวตรง แล้วให้ทำวิ่งกระโดดยกเข่าข้างใดข้างหนึ่งให้สูงขึ้น ขณะวิ่งให้ทำการแกว่งแขนด้านที่อยู่ตรงข้ามขึ้นเหนือศีรษะไปตามจังหวะ แล้วทำสลับข้างไปเรื่อยๆ


2. ท่า Hight Kness เป็นการวิ่งอยู่กับที่ แต่ต้องยกเข่าให้สูงขึ้นมากกว่าการวิ่งปกติ งอข้อศอก กดไหล่ตรง พร้อมกับทำการเหวี่ยงแขนไปมาสลับกันเป็นจังหวะ
3. ท่า Jumping Jacks เริ่มจากการยืนชิดเท้าเข้าหากัน มือทิ้งตามสบายอยู่ด้านข้างของลำตัว แล้วให้ทำการกระโดดพร้อมกับแยกขาออกจากกัน พร้อมกับยกแขนขึ้นให้สูงเหนือศีรษะ (คล้ายกับท่ากระโดดตบ) จากนั้นให้กลับสู่ท่าเริ่มต้น แล้วทำซ้ำในจำนวนที่ต้องการ
4. ท่า Butt Kicks  เริ่มจากการยืนตัวตรง โดยให้เท้าแยกออกจากกันพอประมาณ แล้วให้ทำการเคลื่อนไหวบริเวณขาโดยยกขาไปทางด้านหลัง ซึ่งจะเริ่มจากขาข้างใดก่อนก็ได้ จากนั้นให้ทำสลับกันไปเรื่อยๆ ตามจำนวนที่ต้องการ

ข้อมูลจาก : http://www.beauty24store.com/